เลสเตอร์ ซิตี้ ฉลองแชมป์แชมเปี้ยนชิพ สมัยที่ 8 อย่างยิ่งใหญ่!

“จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ฟุตบอล แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาล 2023/24 อย่างยิ่งใหญ่ หลังบุกไปเอาชนะ เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ 3-0 เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2567

มีการจัดขบวนพาเหรดฉลองชัยชนะทั่วเมืองเลสเตอร์ แฟนบอลต่างออกมาโบกธง ร้องเพลง เต้นรำ แสดงความยินดีกับสโมสรอย่างสุดเหวี่ยง มีการจัดปาร์ตี้ฉลองชัยชนะทั่วเมืองเลสเตอร์ บาร์ ร้านอาหาร เต็มไปด้วยแฟนบอลที่มาร่วมร้องเพลง เต้นรำ ดื่มด่ำกับชัยชนะของทีม

ความพิเศษของการคว้าแชมป์ครั้งนี้

• เป็นการคว้าแชมป์แชมเปี้ยนชิพ สมัยที่ 8 ของสโมสร ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดของประเทศอังกฤษ
• เป็นการเลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีก หลังจากตกชั้นไปเมื่อปี 2022
• เป็นการคว้าแชมป์ครั้งแรก ภายใต้การคุมทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส

ชัยชนะครั้งนี้ เป็นสิ่งที่แฟนบอล “เลสเตอร์ ซิตี้” รอคอยมานาน แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเท อดทน และความสามัคคีของทั้งทีม และสัญญาณที่ดีว่า พวกเขาพร้อมที่จะกลับมาโลดแล่นใน พรีเมียร์ลีก อีกครั้งด้วยฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม!

เลสเตอร์ซิตี้ กับ ผลงานแชมป์เปี้ยนชิพ ฤดูกาล 2023/2024

เลสเตอร์ ซิตี้ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาล 2023/2024 ของศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ หลังจากการตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก พวกเขาสามารถเก็บแต้มได้อย่างดีเยี่ยม

หลังจากลงเล่นไป 45 นัด เลสเตอร์ ซิตี้ เก็บแต้มสูงสุดในลีกด้วยการมี 97 แต้มจากการชนะ 29 นัด เสมอ 10 นัด และแพ้เพียง 6 นัดเท่านั้น นอกจากนี้ พวกเขายังทำประตูสูงสุดในลีกถึง 82 ประตู โดยมี เจมส์ แมดดิสัน กองหน้าคนสำคัญยิงประตูนำทีมสูงถึง 28 ประตู

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เลสเตอร์จะคว้าแชมป์เดอะแชมเปี้ยนชิพได้สำเร็จ แต่ก็โดนวิจารณ์จากสื่อหลายสำนักว่า ทีมดังจากเมืองผู้ดีมีข้อได้เปรียบเรื่องงบประมาณมหาศาลเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่นๆ อย่างไรก็ดี พวกเขาก็ถือว่าคู่ควรกับการกลับสู่บ้านรังเดิมอย่างพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลหน้า

ประวัติศาสตร์สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้

สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ เป็นหนึ่งในสโมสรมากประวัติศาสตร์และประสบการณ์ยาวนานที่สุดในเกาะอังกฤษ โดยก่อตั้งขึ้นในปี 1884 ภายใต้ชื่อ “เลสเตอร์ ฟอสส์”  ก่อนจะเปลี่ยนชื่อมาเป็น “เลสเตอร์ ซิตี้” ในปี 1919 เมื่อได้รับการย้ายสถานที่แข่งขันไปยังสนามเดอมอนด์ปาร์ค สนามที่นำมาใช้ก่อนหน้านั้นคือ Victoria Park.

ความสำเร็จที่โดดเด่น

ทีมเลสเตอร์ ประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เมื่อคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรเมื่อฤดูกาล 2015-2016 โดยมีอัตราต่อรองการคว้าแชมป์ถึง 5,000 ต่อ 1 ในช่วงเปิดฤดูกาล  นับเป็นหนึ่งในเรื่องราวการคว้าแชมป์ที่น่าทึ่งที่สุดในโลกของวงการฟุตบอล

นอกจากนี้ พวกเขายังคว้าแชมป์เอฟเอคัพเป็นครั้งแรกในรอบ 137 ปีเมื่อฤดูกาล 2020-2021 หลังเอาชนะเชลซีไป 1-0 และล่าสุดคว้าแชมป์แชมเปี้ยนชิพอังกฤษสมัยที่ 8 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ

ก่อนที่จะประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ เลสเตอร์ซิตี้ต้องเคยตกชั้นลงไปเล่นในลีกรองบ่อยครั้ง โดยปี 2002-2008 พวกเขาต้องไปเล่นในลีกวันมากถึง 7 ปี จนกระทั่งได้กลับขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้งในปี 2014 และสร้างประวัติศาสตร์อันน่าจดจำในเวลาต่อมา

แม้จะประสบความสำเร็จมหาศาลในช่วงหลัง แต่เลสเตอร์ ซิตี้ ก็ยังคงเป็นสโมสรขนาดกลางที่ต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ อยู่เสมอื ซึ่งนี่คือสิ่งที่ทำให้พวกเขามีเอกลักษณ์และเรื่องราวที่น่าสนใจยิ่งขึ้น

สนามเหย้าของ สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้

สนามเหย้าของสโมสรในปัจจุบันคือคิงพาวเวอร์ สเตเดียม ซึ่งมีความจุ 32,312 ที่นั่ง เลสเตอร์ซิตี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดเมื่อคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015–16 ท่ามกลางความไม่น่าเชื่อ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร

สนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้คือ คิงเพาเวอร์สเตเดียม (King Power Stadium) ตั้งอยู่ในเมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ สนามแห่งนี้เปิดใช้งานในปี ค.ศ. 2002 มีความจุ 32,312 ที่นั่ง

คิงเพาเวอร์สเตเดียมได้รับการพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในปี 2021 สโมสรเลสเตอร์ซิตี้ได้ประกาศแผนขยายสนามเพื่อเพิ่มความจุเป็น 40,000 ที่นั่ง นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาพื้นที่โดยรอบสนามด้วย

สนามแห่งนี้ยังถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015-16 ท่ามกลางความประหลาดใจของวงการฟุตบอลทั่วโลก

ฉายา ทีมสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้

สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้มีชื่อเล่นหรือฉายาที่รู้จักกันดีว่า “เดอะฟ็อกซ์” หรือ “จิ้งจอก” ฉายานี้มาจากการประกวดออกแบบตราสัญลักษณ์ของสโมสรในปี ค.ศ. 1948 ที่มีจิ้งจอกปรากฏเป็นสัญลักษณ์ เนื่องจากเลสเตอร์เป็นเมืองที่มีการล่าจิ้งจอกเป็นกิจกรรมยามว่าง  

นอกจากนี้ บางครั้งเลสเตอร์ซิตี้ก็ถูกเรียกด้วยฉายาพิเศษว่า “จิ้งจอกสยาม” เนื่องจากชาวไทยคือคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ได้เข้ามาเป็นเจ้าของสโมสรในปี 2010  

สีประจำสโมสรเลสเตอร์ซิตี้คือสีน้ำเงินและสีทอง ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากชุดแข่งขันและตราสัญลักษณ์ของสโมสร

แชมป์พรีเมียร์ลีก 2016

การคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ของเลสเตอร์ซิตี้ในฤดูกาล 2015-2016 เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่น่าประทับใจและเป็นปรากฎการณ์ในวงการฟุตบอลโลก เนื่องจากเลสเตอร์ไม่ใช่ทีมที่มีฐานะเป็นเต็งแชมป์ แต่พวกเขากลับทำได้สำเร็จอย่างน่าทึ่ง ดังนี้:

1. สถานการณ์ก่อนฤดูกาล: เลสเตอร์ซิตี้จบฤดูกาล 2014-2015 ด้วยการอยู่อันดับที่ 14 ในตารางพรีเมียร์ลีก และหลายคนคาดการณ์ว่าพวกเขาจะต้องต่อสู้เพื่อหลีกเลี่ยงการตกชั้นในฤดูกาลถัดไป
2. การเริ่มต้นฤดูกาล: ฤดูกาล 2015-2016 เริ่มต้นด้วยการแต่งตั้งคลาดิโอ รานิเอรี เป็นผู้จัดการทีม ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่เรียกได้ว่าเป็นการเสี่ยงพอสมควร แต่การตัดสินใจนี้กลับกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่นำพาทีมสู่ความสำเร็จ
3. ผู้เล่นสำคัญ: นักเตะหลักๆ อย่าง เจมี วาร์ดี, ริยาด มาห์เรซ, และ เอ็นโกโล ก็องเต้ มีส่วนร่วมอย่างมากในการนำทีมไปสู่ชัยชนะ วาร์ดี ทำประตูได้ 24 ประตูในลีก ในขณะที่มาห์เรซ คว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีกจากการทำไป 17 ประตูและ 11 แอสซิสต์
4. ชัยชนะที่สำคัญ: การชนะทีมใหญ่ๆ เช่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ในช่วงท้ายฤดูกาล ทำให้พวกเขาขยับใกล้เข้าไปสู่ตำแหน่งแชมป์มากขึ้น
5. การคว้าแชมป์: เลสเตอร์ซิตี้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 พฤษภาคม 2016 หลังจากที่ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ทำได้เพียงเสมอกับเชลซี 2-2 ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ การคว้าแชมป์ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 132 ปีของสโมสร

การคว้าแชมป์ของเลสเตอร์ซิตี้ในฤดูกาลนั้นถือเป็น “เทพนิยาย” ในวงการฟุตบอลและได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อที่สุดในประวัติศาสตร์ของกีฬา.

ริยาด มาห์เรซ นักเตะส่วนสำคัญนำทัพคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก

ริยาด มาห์เรซ เป็นนักฟุตบอลอาชีพที่เล่นในตำแหน่งปีกขวา และเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีความสามารถสูง โดยเฉพาะในด้านการครองบอล การเลี้ยงบอล และการทำประตู นอกจากนี้ เขายังมีความสามารถในการทำแอสซิสต์ที่โดดเด่น ต่อไปนี้คือรายละเอียดที่น่าสนใจของเขา:

1. ต้นชีวิตและการเริ่มต้นอาชีพ: มาห์เรซ เกิดในปารีส ประเทศฝรั่งเศส แต่มีรากฐานครอบครัวมาจากแอลจีเรีย มาห์เรซเริ่มต้นเล่นฟุตบอลในระดับอาชีพกับทีมเลอ อาฟร์ ในลีกเดอซ์ของฝรั่งเศส
2. การย้ายมาเลสเตอร์ ซิตี้: เขาย้ายไปเลสเตอร์ ซิตี้ในปี 2014 และเป็นส่วนสำคัญของทีมที่ช่วยให้เลสเตอร์เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก และต่อมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015-2016 ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในลีก
3. รางวัลและความสำเร็จ: ริยาด มาห์เรซ ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015-2016 จาก PFA (สมาคมนักฟุตบอลอาชีพ) และมีบทบาทสำคัญในการพาทีมเลสเตอร์คว้าแชมป์ลีก
4. การย้ายไปแมนเชสเตอร์ ซิตี้: ในปี 2018 มาห์เรซย้ายไปแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และได้รับโอกาสในการเล่นฟุตบอลในระดับสูง โดยช่วยทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกหลายครั้ง นอกจากนี้ เขายังเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ชนะการแข่งขันรายการอื่นๆ อย่างเอฟเอคัพ และคาราบาวคัพ
5. การแทนแอลจีเรีย: มาห์เรซเลือกเล่นให้กับทีมชาติแอลจีเรียและมีบทบาทสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์แอฟริกันคัพออฟเนชันส์ในปี 2019

ริยาด มาห์เรซ ถือเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่มีพรสวรรค์สูงและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการฟุตบอลโลก ด้วยความสามารถในการเปลี่ยนเกมและสร้างโอกาสทำประตูที่ยอดเยี่ยม.

เจมี วาร์ดี้ นักเตะส่วนสำคัญนำทัพคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก

เจมี วาร์ดี้ (Jamie Vardy) เป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษที่เป็นที่รู้จักในวงการฟุตบอลโลก โดยเฉพาะในฐานะนักตีประตู ซึ่งเขามีเทคนิคการเล่นที่เต็มไปด้วยความสามารถและเป็นที่รับรู้จากทีมและแฟนๆมหาศาล นี่คือรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเจมี วาร์ดี้:

1. ต้นกำเนิดและการเริ่มต้นอาชีพ: เจมี วาร์ดี้ เกิดเมื่อวันที่ 11 มกราคม 1987 ในเมืองชีฟิลด์ อังกฤษ ท่ามกลางสภาพความยากลำบากในชีวิต เขาเริ่มต้นที่ระดับต่ำของฟุตบอลอังกฤษก่อนที่จะเข้าร่วมทีมหน้าหลักของลีกใหญ่ในภูมิภาค Midlands.
2. การย้ายไปเลสเตอร์ ซิตี้: ในปี 2012 เจมี วาร์ดี้ ย้ายมาเล่นให้กับเลสเตอร์ ซิตี้ ในลีกที่เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนชีวิต ซึ่งเขากลับกลายเป็นนักเตะที่โดดเด่นและมีผลงานที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในฤดูกาลที่ชนะแชมป์พรีเมียร์ลีก 2015-2016
3. สไตล์การเล่น: เจมี วาร์ดี้ เป็นตีประตูที่มีความเร็วและฉับพลัน มีความสามารถในการเข้าโต้งที่ดีและมีความตั้งใจที่มากเพื่อทำประตู นอกจากนี้ เขายังมีทักษะในการเล่นบอลที่ดีและสามารถสร้างโอกาสให้กับทีม
4. การทำประตูและความสำเร็จ: ในฤดูกาลที่เลสเตอร์ ซิตี้คว้าแชมป์, เจมี วาร์ดี้ คว้ารางวัลตีประตูสูงสุดของพรีเมียร์ลีกด้วยการทำประตู 24 ประตู และก่อนหน้านี้เขาก็มีผลงานที่น่าทึ่ง โดยเฉพาะในการทำประตูติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
5. การเล่นให้กับทีมชาติ: เจมี วาร์ดี้ เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติอังกฤษ และมีบทบาทสำคัญในการช่วยทีมเดินทางไปยังรอบรองชิงแชมป์โลกในปี 2018 อย่างไรก็ตาม เขาตัดสินใจเลิกการแข่งขันในทีมชาติหลังจากฤดูกาลนั้น

เจมี วาร์ดี้ ถือเป็นตัวอย่างของนักเตะที่มีความพยายามและหลักการทำงานหนักในสิ่งที่เขาทำ ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขากลายเป็นนักเตะที่มีชื่อเสียงในฐานะนักประตูและในวงการฟุตบอลโลกได้เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง

โค้ช เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้นำทัพคว้าชัยพรีเมียร์ลีก

โค้ชเบรนแดน ร็อดเจอร์ส เป็นโค้ชที่มีความสำเร็จมากในการทำงานกับเลสเตอร์ ซิตี้ (Leicester City) และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยนำทีมไปสู่ระดับที่สูงขึ้นในวงการฟุตบอล นี่คือความสำเร็จที่สำคัญของเบรนแดนในการควบคุมทีมเลสเตอร์ ซิตี้:

1. ชัยชนะในพรีเมียร์ลีก 2015-2016: เบรนแดน เป็นโค้ชที่นำทีมเลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015-2016 โดยทีมได้เฉพาะจุดสูงที่มีความแข็งแกร่งทั้งระบบการเล่นและการจัดทีม
2. การคัดเลือกนักเตะที่เหมาะสม: ในช่วงการทำงานของเบรนแดน, เขาช่วยให้ทีมเลสเตอร์ ซิตี้ มีนักเตะที่เหมาะสมกับระบบการเล่นและสมรรถนะที่สูง เช่น จมี วาร์ดี ริยาด มาห์เรซ ฯลฯ
3. สร้างอนาคตให้กับทีม: เบรนแดน ได้สร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจในแผนการเล่นของเขาให้กับนักเตะ ทำให้ทีมสามารถต่อสู้ในระดับที่สูงตลอดฤดูกาล
4. การใช้แผนการเล่นที่มีประสิทธิภาพ: เบรนแดน เน้นไปที่การเล่นบอลครองและการทำประตูที่มีประสิทธิภาพ โดยรวมแผนการเล่นเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพทั้งในด้านการต่อรองบอลและการเสริมเกม
5. การทำงานกับนักเตะเพื่อพัฒนา: เบรนแดน เป็นโค้ชที่เข้าใจและสามารถทำงานร่วมกับนักเตะเพื่อพัฒนาทักษะและความสามารถของพวกเขาในทุกด้านของเกม
6. การนำทีมไปสู่การแข่งขันในลีกยุโรป: เบรนแดน นอกจากจะนำทีมไปคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ยังช่วยทีมลุยในการแข่งขันในลีกยุโรปอย่าง UEFA Champions League ทำให้เลสเตอร์ ซิตี้ก้าวขึ้นมาเป็นทีมที่มีชื่อเสียงในสถานการณ์ระดับยุโรป

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เป็นตัวจริงที่นำทีมมาไปสู่ความสำเร็จและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักเตะและแฟนๆของทีม โดยเฉพาะการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นความสำเร็จที่สูงสุดของทีมในประวัติศาสตร์ของพวกเขา

กุนซือปัจจุบันของสโมสรเลสเตอร์ซิตี้

กุนซือปัจจุบันของสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ คือ เอ็นโซ มาเรสก้า เขาได้รับการแต่งตั้งเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2566 โดยเซ็นสัญญาถึงปี 2026 หลังจากที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ถูกปลดจากตำแหน่งหลังผลงานไม่น่าพอใจในฤดูกาลที่ผ่านมา  

 เอ็นโซ มาเรสก้า วัย 43 ปี เคยเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาก่อน โดยประธานสโมสรเลสเตอร์ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา เชื่อว่านโยบายและปรัชญาการทำทีมของมาเรสก้านั้นตรงกับทิศทางที่สโมสรวางไว้

กุนซือ เอ็นโซ มาเรสก้า

เอ็นโซ มาเรสก้า เป็นกุนซือชาวอิตาลีวัย 43 ปี ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งจากสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ให้เข้ามารับหน้าที่ผู้จัดการทีมคนใหม่

 หลังจากที่ทีมตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่ผ่านมา มาเรสก้ามีประสบการณ์เป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ในทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้

ประวัติและผลงาน เอ็นโซ มาเรสก้า

ก่อนมารับงานกับเลสเตอร์ ซิตี้ มาเรสก้าเคยทำงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมให้กับ กวาร์ดิโอลา ในช่วงที่พาแมนเชสเตอร์ ซิตี้คว้าถ้วยเทรเบิลแชมป์เมื่อฤดูกาล 2022/23 นอกจากนี้เขายังเคยรับหน้าที่กุนซือทีมเยาวชนของแมนซิตี้ด้วย และสามารถพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 หรือลีกเยาวชนของอังกฤษในฤดูกาล 2020/21

เป้าหมายกับเลสเตอร์

ภารกิจหลักของ มาเรสก้า คือการพาเลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเพิ่งตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลล่าสุด กลับขึ้นไปเล่นในลีกสูงสุดให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งหากประสบความสำเร็จจะถือเป็นการยืนยันศักยภาพของมาเรสก้าในฐานะผู้จัดการทีมอีกครั้ง

การซื้อขายนักเตะในฤดูกาลใหม่ของเลสเตอร์ซิตี้

เลสเตอร์ ซิตี้ กำลังเผชิญกับภาวะวิกฤตทางการเงินอย่างหนัก ทำให้พวกเขาต้องตัดสินใจขายนักเตะคนสำคัญออกจากทีมเพื่อระดมทุน

 แม้จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองในปี 2016 แต่ช่วงหลังรูปแบบการทำทีมก็เปลี่ยนไป โดยมุ่งเน้นไปที่การขายนักเตะระดับสตาร์เพื่อทำกำไร

ในช่วงตลาดนักเตะรอบนี้ เลสเตอร์ ยังไม่มีรายงานการคว้าตัวนักเตะใหม่มาเสริมทัพแต่อย่างใด ในขณะที่แข้งดังอย่าง ยูรี ตีเลอมานส์ มิดฟิลด์กองกลางคนสำคัญก็ย้ายไปร่วมทีมอาร์เซนอลแล้วด้วย

 นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือว่าเจ้าของทีมอาจพิจารณาขายหุ้นส่วนใหญ่กว่า 50% ให้กับนักธุรกิจรายใหม่หากไม่สามารถคลี่คลายวิกฤตครั้งนี้ได้

จากสถานการณ์ดังกล่าว จึงไม่แปลกที่เลสเตอร์ อาจจะต้องเสริมนักเตะมากขึ้นในช่วงซัมเมอร์นี้ แต่ทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับงบประมาณที่มีอยู่หากพวกเขายังคงประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนักหน่วง

นักเตะเลสเตอร์ซิตี้ ในปัจจุบัน

สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ เป็นหนึ่งในทีมชั้นนำของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ปัจจุบันพวกเขาได้ตกชั้นลงสู่ศึกเดอะแชมเปียนชิพ หลังจบฤดูกาลที่ผ่านมาอันดับสุดท้าย แต่ก็ยังคงมีนักเตะตัวหลักและนักเตะคนสำคัญอยู่ในทีม

นักเตะหลักของเลสเตอร์ซิตี้ในปัจจุบัน

• เจมี วาร์ดี้ กองหน้าคนสำคัญเบอร์ 9 ที่ยังคงอยู่กับทีม เจ้าของประตูชัยในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2015-16 วัย 36 ปี
• เควิน เดนิส ผู้รักษาประตูมากประสบการณ์ของทีม วัย 30 ปี เคยค้าแข้งกับสโมสรอื่นมาแล้วหลายแห่ง
• จอนนี อีแวนส์ กองหลังตัวเก๋าวัย 35 ปี เคยค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกมานาน เป็นนักเตะประสบการณ์สูงของทีม
• เคเลชี่ อิเฮนาโช่ หนึ่งในกองหน้าดาวรุ่งที่น่าจับตามอง วัยเพียง 26 ปี  เคยโชว์ฟอร์มได้ดีในพรีเมียร์ลีก

นอกจากนี้ ยังมีผู้เล่นอื่นๆ อย่าง เจมส์ จัสติน, คอนเนอร์ วู้ดดิน และแพตสัน ดากา ที่ต้องรอดูฟอร์มในฤดูกาลหน้า

Tags : คิงเพาเวอร์สเตเดียม, เลสเตอร์, เลสเตอร์ซิตี้